THE MEZZANINE by DEAN & DELUCA ร้านอาหารและเบเกอรี่ สุดชิลล์ ใจกลางกรุงเทพ

หลงรักในสไตล์ของร้าน DEAN & DELUCA มานาน ไปนั่งชิลล์ จิบกาแฟมาก็หลายครั้ง ล่าสุดได้ไปร่วมชิมเมนูอาหารและเครื่องดื่มของโซนอาหารเปิดใหม่ “The Mezzanine” ตั้งอยู่บนชั้นลอยของ DEAN & DELUCA MahaNakhon Cube ที่ให้บริการ All Day Dining ตั้งแต่เวลา 10.00 – 23.00 น. พร้อมกับเมนูที่หลากหลายกว่า 75 รายการ ตั้งแต่อาหารเช้า เมนูทานเล่นพวกทาปาส สลัด จนไปถึงเมนูแฮมเบอร์เกอร์ สเต็ก และยังมีบริการเครื่องดื่มมากมาย

ร้าน The Mezzanine by Dean & Deluca เป็นร้านอาหารสุดชิลล์ ที่เหมาะสำหรับมานั่งกินข้าว นั่งเม้าส์กับเพื่อนๆ หรือใช้เวลาว่างไปกับการดื่มด่ำบรรยากาศและอาหาร ในสังคมเมือง ที่โครงการคิวบ์มหานคร (BTS ช่องนนทรี ทางออก3)

บรรยากาศร้าน THE MEZZANINE by DEAN & DELUCA

โดย Dean & Deluca มหานคร คิวบ์ ชั้น 1 จะมีโซน Open Market ที่มีขายของหลายอย่าง ทั้งมุมเบเกอรี่ วัตถุดิบ และอุปกรณ์ต่างๆ หรือจะเป็นเครื่องดื่มอย่างไวน์ และเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศ ก็มีให้เลือกมากมาย รวมถึงอาหารสด พร้อมรับประทาน และที่ชอบคือ Chef Table ที่เราสามารถเลือกเมนูที่อยากกิน ให้เชฟทำ และเราก็นั่งดูและกินตรงนั้นเลย

สำหรับวันนี้ขอมุ่งเน้นมาที่เมนูอาหารและเครื่องดื่มของร้าน THE MEZZANINE เป็นหลัก อย่า่งที่บอกว่าร้านนี้เป็น all day dining ดังนั้นจะมีเมนูทั้งอาหารเช้า อย่าง Smoked Salmon, Eggs Benedict เมนูสลัดเบาๆ อย่าง Grilled Turkey & Roasted Chestnut Salad หรือจะเป็นเมนูจากหลักอย่่าง Scallop, Foie Gras & Galician Strips Trio และยังมีให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไวน์ เบียร์ไทย เบียร์ต่างประเทศ รวมถึงแชมเปญหายาก มาดูเมนูอาหารกันค่ะ

เมนู ขาเป็ดย่างกรอบ (Duck Leg Confit) เป็นช่วงน่องและเนื้อส่วนสะโพกค่ะ เสิร์ฟ2ชิ้น พร้อมมันฝรั่งรวนพอกรอบ เนื้อนุ่มสุดๆ กินง่าย มีซอสหวานโรยมาด้านข้าง กินแต่เนื้อเป็ด ก็อร่อยแล้วนะคะ เมนูนี้ ราคา 395 บาท

เมนู ซี่โครงแกะราดซอสไวน์แดง (Saltbush Lamb Rack) เป็นซี่โครงแกะ (แต่เนื้อเยอะมากค่ะ) ปกติเป็นคนไม่ค่อยกินเนื้อแกะ ขาแกะเท่าไหร่ เพราะจะมีต่อมรับกลิ่นได้ไวเป็นพิเศษ แต่เมนูนี้ กลิ่นไม่แรง และกินง่าย เนื้อแกะนุ่มดี อาจจะเป็นเพราะซอสที่ราดมาเข้ากัน เมนูนี้ ราคา 995 บาท

เมนู แก้มวัวราดซอสเผ็ดบาร์บีคิว (BBQ Wagyu Beef Cheek) อยากบอกว่า เป็นเมนูที่ชอบที่สุดอีกจานเลยเมนูนี้ เพราะเป็นมนุษย์กินเนื้อค่ะ และเนื้อแก้มวัววากิวจานนี้ก็นุ่มละลาย คือ ไม่ต้องใช้มีดช่วยหั่นก็ยังได้ อร่อยลืมเลยจริงๆ ฟินสุดๆ ส่วนผักชุบแป้งทอดที่เสิร์ฟคู่ จำไม่ได้ว่าเป็น ถั่วหรือหน่อไม้ฝรั่ง เพราะมัวแต่สนใจแก้มวัว เมนูนี้ ราคา 495 บาท

เมนู Grilled Ahi Tuna & Jasberry Rice Pomelo Salad ปลาทูน่าทรงเครื่อง (อันนี้แปลให้เข้าใจง่ายๆ) เป็นเนื้อปลาทูน่า นำมาเซียด้านนอกให้พอสวย เสิร์ฟพร้อมข้าวกล้อง (เบอร์รี่) มะเขือเทศ ส้มโอ ที่ผสมกันอย่างลงตัว และแนมด้วยสลัด เป็นเมนูที่คุ้มจริงๆ เพราะได้ความสดของทูน่า ความอร่อยของส่วนผสม และยังสุขภาพดีอีก เมนูนี้ ราคา 350 บาท

เมนู หอยเชลล์ย่าง (Seared Scallops) ด้วยความหวานของหอยเชลล์ตัวโตที่สด และย่างมาพอสุก ทำให้เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยได้ดี เข้ากับมะเขือเทศสดลูกเล็กพอดีคำอย่างดี เมนูนี้ ราคา 595 บาท

เมนู พาสต้าซีฟู้ดรสเผ็ด (Seafood Linguine Pasta) Lingunine เป็นพาสต้าชนิดเส้นแบน นำมาผัดกับซอสรสเผ็ดกำลังดี เป็นเมนูที่กินแล้วไม่เลี่ยน ผัดมาพร้อมกับกุ้งลายเสือ หอยเชลล์ และหอยแมลงภู่ เป็นเมนูทรงคุณค่าอีกจานที่อยากจะแนะนำ เมนูนี้ ราคา 695 บาท

และเมนูอาหารสุดยอดความประทับใจในมื้อนี้ก็คือ Seafood Saffron Risotto รีซอตโต้รสจัดจ้าน อร่อยทุกคำ ตัวข้าวถูกนำไปผัดกับน้ำซุปซีฟู้ดเข้มข้นมาแล้ว (ได้กลิ่นและรสชาติแบบเต็มๆ) และด้วยความชำนาญของเชฟ ทำให้รสชาติ “นัว” มาก พูดเลย ยังไม่รวมความสดของซีฟู้ดเข้าไปอีก คุ้มค่ากับราคา 695 บาท จริงๆ

ส่งท้ายกับเมนูอาหารด้วย เมนู สเต็กปลาแซลมอน (Hoisin Salmon) เนื้อปลาแซลมอนชิ้นโต สด หวาน ย่างมาอย่างดี อร่อยมาก และไม่เลี่ยนจนเกินไป เมนูนี้ราคา 395 บาท เกินคุ้ม

มาถึงเมนูของหวานที่เชื่อว่าหลายคนกำลังรอคอย เมเม่อาจจะไม่ค่อยถนัดเรื่องของหวานเท่าไหร่นักนะคะ ขอชิมแนะเล่าตามความรู้สึก

เริ่มที่เมนู Babka Bread Pudding เมนูนี้แนะนำให้ราดซอสวานิลลาเยอะๆค่ะ เพราะแป้งขนมปังรสชาติไม่ได้หนักมาก เมื่อราดวานิลลาลงไป จะทำให้ฉ่ำและกินง่ายขึ้น เมนูนี้ราคา 195 บาท

เมนู ทิรามิสุ (Tiramisu) ที่ร้านนี้ เลือกทำเยลลี่/เจลลาตินกาแฟ จากกาแฟดำ (นำกาแฟดำไปแช่ช่องฟริซให้พอแข็ง) นำมาไว้ตรงกลางของเมนู แนะนำให้ราด Espresso Shot ร้อนลงไปก่อน เพราะไม่อย่างนั้น ตัวเจลาตินตรงกลางจะไม่ละลาย และกินยาก ตัวครีมด้านบนหอมและกลมกล่อมดีค่ะ ใครที่ไม่ค่อยทานกาแฟ เมนูนี้อาจจะทานยากนิดนึง ส่วนใครชอบดื่มกาแฟดำอยู่แล้ว เมนูนี้ เข้มข้นมากค่ะ ราคา 195 บาท

ปิดท้ายเมนูของหวานสุดอลังการ Waffle Plate วางชิ้นวาฟเฟิลเรียงกัน 4ชิ้นในแนวตั้ง เสริม topping ด้วย สตรอว์เบอร์รี่, และลูกเบอร์รี่อื่นๆ และยังมีวิปครีมเพิ่มความมัน ราดด้วยไซรัปเมเปิล หวานพอสมควรค่ะ เมนูนี้ อย่าถ่ายรูปกันนาน เพราะวาฟเฟิลจะแข็งตัว ไม่อร่อย ราคา 250 บาท

ต่อไปขอแนะนำเมนูเครื่องดื่มเย็น

Raspberry iced tea ไม่ได้ลองชิมชาค่ะ แต่ว่ากลิ่นหอมเตะจมูกเลย แยกน้ำเชื่อมมาให้ต่างหาก

Strawberry New York soda เพิ่มน้ำแข็ง Mint สีเขียว เพิ่มความสดชื่นให้กับแก้วนี้

เมนู Iced latte แก้วนี้ เมเม่ดื่มเองค่ะ แยกไซรัปมาให้ เมเม่ก็ไม่ได้เติมนะ กาแฟที่นี่เข้มกำลังดี

เมนู Peach Passionfruit smoothie-mix berry

Mixed berries smoothie ผลไม้กับเมเม่ไม่ค่อยถูกกัน แต่แอบชิมไปนิดนึง เปรี้ยวอมหวาน ใครชอบตระกูลเบอร์รี่ น่าลองมากๆค่ะ และ เมนู Peach Passionfruit smoothie รสเปรี้ยวและกลิ่นหอมๆของพีช ทำให้ผ่อนคลายแบบสุดๆค่ะ

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ beer - cider — เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ beer – cider

และปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จัดเต็มกันตั้งแต่หัววัน ทั้ง เบียร์ และ Cider (ผลไม้หมัก เช่น แอปเปิ้ล) พนักงานที่ร้านบอกว่า Cider ที่ดีผลิตจากฝรั่งเศส แต่ที่นิยม มาจากทางอังกฤษ (ส่วนตัวหลังจากได้ชิมมา ชอบยี่ห้อ Brothers ที่สุดค่ะตอนนี้) มาดูเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร้าน The Mezzanine กันค่ะ

เริ่มที่ Cider / Cyder ก่อนเลย ที่สั่งมา เป็นยี่ห้อ ASPALL เป็น แอปเปิ้ลไซเดอร์ รสหวานเปรี้ยว มีความซ่ากำลังดี มีแอลกอฮอล์4% ที่ชิมนี้เป็นสูตรใหม่ เพิ่มน้ำบลูเบอร์รี่ด้วย ถือว่าหนักไปนิดสำหรับช่วงกลางวัน ดื่มแล้วเคลิ้มเลยค่ะ พูดถึงไซเดอร์ยี่ห้อนี้ มีอยู่หลายแบบนะคะ ทั้งเป็น Draught และแบบขวด บางประเภทแอลกอฮอล์สูงถึง 7%

ในส่วนของเบียร์สด ที่ร้านนี้มี Draft Beers อยู่ 3 ยี่ห้อด้วยกัน เริ่มที่เบียร์ฮอล์แลนด์ “Grolsch” เป็นเบียร์สดรสเข้มข้น ดื่มกับเนื้อแดง เข้ากันสุดๆเลยค่ะ มันจะช่วยดึงรสชาติอาหารออกมา ใครชอบเบียร์เข้ม แนะนำเลยค่ะ